เบตงละหมาดวันศุกร์ วิถี New Normal
ยะลา- ภายหลังจากที่ทางศบค.จังหวัดยะลาให้มีการผ่อนปรนให้มีการละหมาดวันศุกร์และละหมาดญามาอะห์ที่มัสยิด เป็นวันแรก เน้นเข้มมาตรการ DMHTTA
เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 65 ที่มัสยิดราฎอตุ้ลยันนะห์ หมู่ที่ 2 ต.ธารน้ำทิพย์ อ.เบตง จ.ยะลา นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง เดินทางมาให้กำลังผู้ที่มาละหมาดวันศุกร์โดยวันนี้ได้เปิดให้ละหมาดเป็นวันแรกภายหลังจากที่ทาง ศบค.จังหวัดยะลาให้มีการผ่อนปรนให้มีการละหมาดวันศุกร์ และละหมาดญามาอะห์ที่มัสยิดได้ ทำให้บรรยากาศการละหมาดวันศุกร์ในวันนี้มีผู้มาละหมาดเป็นจำนวนมาก โดยก่อนละหมาดวันศุกร์ ทางคณะกรรมการของมัสยิดก็ได้ชี้แจงถึงมาตรการต่างๆให้แก่ผู้ที่มาละหมาด โดยทุกคนจะต้องนำหลักฐานการฉีดวัคซีน อย่างน้อย 1 เข็มเพื่อแสดงให้กับผู้เกี่ยวข้อง และต้องปฏิบัติตามมาตรการ DMHTTA ทั้งนี้ มัสยิดราฎอตุ้ลยันนะห์ ได้เปิดให้กับบุคคลทั่วไปมาละหมาดวันศุกร์อย่างเป็นทากงารได้แต่ต้องต้องปฏิบัติตามมาตรการ DMHTTA อย่างเคร่งครัด
นายตอเล็บ ดือราพอ อิหม่านประจำมัสยิด กล่าว่า ขอความร่วมมือทุกคนต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและอนุญาตละหมาดวันศุกร์ ได้ตามปกติ และประชาชนที่เข้ามาละหมาดต้องฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็มโดยก่อนเข้ามัสยิดต้องแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม
ด้านนายเอก ยัง อภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง กล่าวว่า ทาง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมถึง ผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชน ในพื้นที่ทุกคนต่างให้ความร่วมมือและได้มีการประชาสัมพันธ์ อย่างต่อเนื่อง ในเรื่องการฉีดวัคซีนที่เป็นผลดี ต่อการป้องกันโควิด-19 และทำให้พื้นที่ตำบลธารน้ำทิพย์สามารถฉีดวัคซีนไปแล้วทั้งตำบล เกิน 70% ไปแล้ว และมีบางพื้นที่ที่มัสยิดไม่ผ่านเกณฑ์และไม่สามารถที่จะเปิดละหมาดวันศุกร์ได้ ขณะเดียวกันสถานการณ์โรคระบาดระลอกใหม่นี้ยังคงมีการติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง แต่ในพื้นที่อำเภอเบตงยังไม่ปรากฏมีผู้ติดเชื้อโควิด-19สายพันธุ์โอมิครอนแม้แต่คนเดียว แต่ก็ไม่ได้ประมาทต่อเหตุการณ์ โดยต้องหามาตรการอื่นๆ เช่น ทุกคนต้องมีวัคซีนในตัวเองโดยเร็ว ในพื้นที่มีสัปบุรุษมัสยิดต้องฉีดวัคซีนแล้วและพร้อมให้ความสำคัญกับมาตรการป้องกันโรคระบาดตามกระทรวงสาธารสุขทุกอย่าง
ขณะที่ผู้ที่มาร่วมละหมาดวันศุกร์ บอกว่า การละหมาดวันศุกร์จำเป็นสำหรับมุสลิมชายที่มีอายุ15 ปีขึ้นไป เป็นภาคบังคับของศาสนาอิสลามต้องละหมาดวันศุกร์ที่มัสยิด เห็นด้วยว่าเราต้องอยู่กับโรคระบาดใหม่นี้ไปอีกนาน ฉะนั้น เป็นความรับผิดชอบของคณะกรรมการแต่ละมัสยิด ที่จะต้องให้ความสำคัญในการป้องกันไม่ให้มีการติดเชื้อกับผู้มาละหมาดให้ได้ และใช้มาตรการที่รัดกุมอย่างเข้มงวด
นอกจากนี้ สัปบุรุษยังห่วงเยาวชนที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน กลุ่มนี้จะเคลื่อนไหวติดต่อทางสังคมเรื่อยไป หากมัสยิดปล่อยการละหมาดโดยที่ไม่มีระบบป้องกันก่อนเข้ามัสยิด เชื่อว่าการติดเชื้อในการร่วมกิจกรรมศาสนา อาจจะกลับมาเกิดอีกครั้งก็ได้
ข่าว..เจษฎา สิริโยทัย อ.เบตง จ.ยะลา โทร.064-126-5593 – 080-036-2786