30 ธันวาคม 2564

หนังสือพิมพ์ตาทันนิวส์

วันที่ 30 ธันวาคม 2564

ท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายนันธวัช เจริญวรรณ นำคณะออกตรวจเยี่ยมจุดตรวจ/จุดบริการประชาชน ตำบลบางสวรรค์ ศูนย์ปฏิบัติการร่วมรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ นี้ 






    จุดตรวจด่านชุมชนจุดบริการประชาชน  จุดบริการของเทศบาลตำบลบางสวรรค์ ศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน เซาร์เทิร์น สาย 44 เกาะน้อย - บางสวรรค์ เพื่อมอบสิ่งของ และน้ำดื่ม เป็นขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานประจำจุดตรวจ  จุดบริการ  ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองผู้ใหญ่บ้าน  ตำรวจ  อปพร.  อาสาสมัคร กู้ภัย  และทีมแพทย์ พยาบาล   ที่มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า- ต้อนรับปีใหม่ไทย

  

      นายนันธวัช เจริญวรรณ   รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า การลงพื้นที่ ตำบลบางสวรรค์  อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี ออกตรวจเยี่ยมจุดตรวจ จุดบริการประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ได้ให้คำแนะนำแก่ ผู้นำชุมชนท้องถิ่น  นายทวีศักดิ์ หนูคง นายกเทศมนตรีตำบลบางสวรรค์  นายจำรัส โพธิญาณ รองนายกเทศมนตรี และนายสุรศักดิ์ สุมน รองนายกเทศมนตรี และประชาชนที่กำลังสัญจรอยู่ในช่วงนี้ ให้ระมัดระวังเป็นพิเศษในช่วงเทศกาลอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ เพราะเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่   ซึ่งมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน  และเป็นช่วงที่ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงกว่าปกติ  จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา พบว่า สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการมีพฤติกรรมที่ประมาทและไม่ปฏิบัติตามกฎจราจรของผู้ใช้รถใช้ถนน ได้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด  ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2564 ถึง วันที่ 4 มกราคม 2565  จากใจทีมบริหารเทศบาลบางสวรรค์

"ชีวิตวิถึใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ"





หนังสือพิมพ์ตาทันนิวส์

#หนุ่มใหญ่ช่างไฟขับรถจักรยานยนต์กลับบ้านเฉี่ยวชนกับรถยนต์ ดับ1เจ็บ1 จ.สุพรรณบุรี

วันที่29ธันวาคม 2564

เมื่อเวลาประมาณ18.05น. ร.ต.อ.วิชัย ชมสุวรรณ ร้อยเวร(สอบสวน)สภ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถยนต์มีผู้เสียชีวิต บนถนนสายดอกไม้ สามชุก--ด่านช้าง  หลังได้รับแจ้งจึงออกตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิเสมอกัน เขต อ.ด่านช้างและอ.หนองหญ้าไซ ถึงที่เกิดเหตุอยู่บริเวณแยกบ้านหนองจิกยาว ต.หนองโพธิ์ อ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี ถนนสายสามชุก--ด่านช้าง 








ที่เกิดเหตุพบผู้ได้รับบาดเจ็บนอนอยู่บนถนน2ราย เป็นชาย1รายหญิง1ราย รายแรกเป็นชายอาการสาหัสเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันทำCPRแต่ไม่เป็นผลเสียชีวิตในเวลาต่อมาเนื่องจากเสียเลือดมาก ชื่อนายยอดชาย แก้วเรือง อายุ47ปี รายที่2เป็นหญิง ชื่อนางบุญตา ไตรวงษ์ตุ้ม อายุ60ปี พลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลหนองหญ้าไซ โดยทั้งคู่ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ110ไอ สีแดงดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับขี่มุ่งหน้าไปทางสามชุกถึงที่เกิดเหตุได้เฉี่ยวชนกับรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ มิวเซเว่น สีขาว หมายเลขทะเบียน กต4514 สุพรรณบุรี ซึ่งมีนายวสันต์ ธัญญเจริญอายุ40ปี เป็นคนขับ จนข้าวของอุปกรณ์ทำไฟกระจัดกระจายเกลื่อนถนน เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้  ส่วนศพผู้เสียชีวิตเจ้าหน้าที่กู้ภัยดำเนินการส่งร.พ หนองหญ้าไซเพื่อให้แพทย์เวร ชัณสูตรเพิ่มเติม

จักรกู้ภัยเสมอกัน 184

หนังสือพิมพ์ตาทันนิวส์

ข่าว/แพร่         ตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ วิทยาลัยเทคนิคแพร่  " ภายใต้การป้องกันและแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียน นักศึกษา ( MOU )                         

   เมื่อวันที่  30ธันวาคม 2564 เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุม ภ.จว.แพร่ได้มีการทำบันทึกข้อตกลงระหว่าง ตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ โดย พล.ต.ต.ชาคริต สวัสดี ผบก.ภ.จว.แพร่ สำนักงานตั้งอยู่ เลขที่ 280 หมู่ 1 ถนนยันตรกิจโกศล ตำบลทุ่งกวาว อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ วิทยาสัยเทคนิคแพร่ โดย นายอัศวิน ขมอาวุธ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคแพร่ สำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 5 ถนนเหมืองหิต ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ทั้งสองฝ่ายตกลงทำ “บันทึกข้อตกลง” โดยมีข้อความดังต่อไปนี้











ข้อ 1 วัตถุประสงค์

1.1 บูรณาการร่วมกันทุกมิติในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียน นักศึกษา
1.2 ร่วมกันกำหนดมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียน นักศึกษา
1.3 สนับสนุนและส่งเสริมการจัดกิจกรรมให้นักเรียน นักศึกษา ทำความดี มีจิตอาสา เสียสละ ช่วยเหลือบริการประชาชน และสังคม

ข้อ 2 สถานที่ในการดำเนินงานตามข้อตกลง

2.1. ในสถานศึกษาของวิทยาลัยเทคนิคแพร่
2.2 หน่วยงานในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดแพร่
2.3 สถานที่อื่นใดที่ทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกัน

ข้อ 3 การดำเนินงานความร่วมมือทั้ง 2 ฝ่าย

3.1 ตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ ดำเนินการดังนี้
3.1.1 ให้ตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ หรือสถานีตำรวจภูธรในสังกัด ประสานงานกับสถานศึกษาเพื่อร่วมกันกำหนดมาตรการป้องกันเหตุ หรือแผนเผชิญเหตุในรูปแบบต่างๆ หรือจัดกิจกรรมอื่นๆ เพื่อแก้ไขและลดปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียน นักศึกษาในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม
3.1.2 ให้ตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ หรือสถานีตำรวจภูธรในสังกัด จัดทำโครงการ “อาชีวะอาสาทำความดีในเทศกาลปีใหม่ และเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2565” บูรณาการร่วมกับโครงการ “อาชีวะจิตอาสาช่วยประชาชนเทศกาลใหม่ และเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2565” ของ สอศ. โดยประสาวิทยาลัยเทคนิคแพร่ เพื่อร่วมกิจกรรมบริการประชาชนที่สัญจรไปมาในเทศกาลดังกล่าว โดยเน้นการให้บริการในสาขาอาชีพที่กำลังศึกษาอยู่ เช่น สาขาวิชาช่างยนต์ ณ จุดบริการประชาชนในเส้นทางคมนาคม เป็นต้น
3.1.3 ให้สถานีตำรวจในสังกัดประสานสร้างความร่วมมือกับวิทยาลัยเทคนิคแพร่ ในการคิดค้นนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ที่เป็นอุปกรณ์ใช้ในการปฏิบัติงานเพื่อป้องกัน หรือระงับยับยั้งเหตุภยันตราย เช่น อุปกรณ์ไม้ง่าม เครื่องหยุดรถบนถนน (Stop Stick) เป็นต้น
3.1.4 ให้สถานีตำรวจในสังกัดในเขตรับผิดชอบ ประสานขอความร่วมมือให้นักเรียน นักศึกษาที่มีความสามารถหรือมีทักษะในการประชาสัมพันธ์ และมีความสามารถในการเป็นวิทยากรในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอาชญากรรม หรือปัญหายาเสพติด ร่วมเป็นวิทยากรในโครงการต่างๆ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมายเช่น โครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ หรือโครงการ ชุมชนสัมพันธ์ เป็นต้น

3.2 วิทยาลัยเทคนิคแพร่ ดำเนินการดังนี้
3.2.1 ให้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในเขตพื้นที่รับผิดชอบในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนประชุมวางแผนเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันเหตุ หรือแผนเผชิญเหตุในรูปแบบต่างๆ หรือจัดกิจกรรมเพื่อป้องกันและลดปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียน นักศึกษาในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม
3.2.2 นำโครงการ “อาชีวะจิตอาสาร่วมด้วยช่วยประชาชนเทศกาลปีใหม่ และเทศกาลสงกรานต์ ปี พ.ศ. 2565” บูรณการร่วมกับโครงการ “อาชีวะอาสาทำความดีในเทศกาลปีใหม่ และเทศกาลสูงกรานต์ พ.ศ.2565” อย่างน้อยจังหวัดละ 1 แห่ง เพื่อร่วมกิจกรรมบริการประชาชนที่สัญจรไปมาในเทศกาลดังกล่าว โดยเน้นการให้บริการในสาขาอาชีพที่กำลังศึกษา เช่น สาขาช่างยนต์ ณ จุดบริการประชาชนในเส้นทางคมนาคม เป็นต้น
3.2.3 ให้วิทยาลัยเทคนิคแพร่ประสานงานเพื่อสร้างความร่วมมือกับสถานีตำรวจในสังกัดในการคิดค้นนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ที่เป็นอุปกรณ์ใช้ในการปฏิบัติงานเพื่อป้องกัน หรือระงับยับยั้งเหตุภยันตรายการบันทึกเพิ่มเติมเป็นลายลักษณ์อักษร และให้มีผลบังคับนับแต่ลงนามในบันทึกเพิ่มเติมนั้น และให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของบันทึกข้อตกลงนี้ หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งประสงค์จะยกเลิกบันทึกข้อตกลงความร่วมมือนี้ให้แจ้งอีกฝ่ายเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 60 วัน (หกสิบวัน) เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งพิจารณา โดยให้มีผลเมื่อทั้งสองฝ่ายพิจารณาเห็นชอบเป็นลายลักษณ์อักษรในการยกเลิกบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
ข้อ 4 การลงนามความร่วมมือบันทึกข้อตกลงนี้ทำขั้นเป็นสองฉบับมีข้อความถูกต้องตรงกัน ทั้งcanสองฝ่ายได้อ่านและเข้าใจข้อความโดยละเอียดตลอดแล้ว เพื่อแสดงเจตนารมณ์และความตั้งใจจริงของทั้งสองฝายในการดำเนินงานตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือนี้ ทั้งสองฝ่ายจึงได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานสำคัญต่อหน้าพยาน เมื่อวันที่ 30 เดือน ธันวาคม พุทธศักราช 2564 ณ ตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ และต่างยึดถือไว้ฝ่ายละหนึ่งฉบับ ตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ ลงนามโดย พล.ต.ต.ชาคริต สวัสดี ผบก.ภ.จว.แพร่ นายอัศวิน ข่มอางวุธ ผอ.วิทยาเทคนิคแพร่ วิทยาลัยเทคนิคแพร่
พ.ต.อ. วชิระ กาญจนวิภาดา รองผบก.ภ.จว.แพร่ พยาน นายสุทิน ถาวรมงคล รองผอ.วิทยาลัยเทคนิคแพร่
ภาพ/ข่าว
ราเชนทร์ โชติถนอมกิจ
แพร่.รายงาน

29 ธันวาคม 2564

หนังสือพิมพ์ตาทันนิวส์

นักศึกษาจิตอาสา ม.ราชภัฏสุราษฎร์ธานี เสียสละเฝ้าระวัง 
พร้อมส่งความห่วงใยขับขี่ปลอดภัยไร้อุบัติเหตุทางถนนหวังสัญจรอย่างมีความสุขต้อนรับปีใหม่ 2565
--------------------------------
องค์การนักศึกษา ภาคปกติ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี (มรส.) ร่วมกับ ชมรมนักศึกษาอาสากู้ชีพ - กู้ภัย มรส. ตํารวจภูธรขุนทะเล จังหวัดสุราษฎร์ธานี และมูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี จัดโครงการ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” ร่วมรณรงค์และตระหนักถึงความไม่ประมาทต่อการขับขี่ยานพาหนะ หวังการเดินทางสัญจรทางถนนอย่างมีความสุขต้อนรับปีใหม่ นักศึกษาจิตอาสายินดีร่วมเสียสละเฝ้าระวัง 7 วัน อันตราย พร้อมบริการหากเกิดกรณีฉุกเฉิน ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2564 ถึงวันที่ 4 มกราคม 2565 โดยมี ผศ.ดร.วัฒนา รัตนพรหม รักษาราชการแทนอธิการบดี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2564 ณ ประตู 1 หน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
.















ผศ.ดร.วัฒนา รัตนพรหม รักษาราชการแทนอธิการบดี กล่าวว่า ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เป็นอันดับ 2 ของโลก และเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์ เป็นอันดับ 9 ของโลก ส่วนรถยนต์ เป็นยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุจนเสียชีวิต เป็นอันดับ 2 ซึ่งสถิติดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า "ถนนในเมืองไทยอันตรายที่สุดในโลก" เพราะมีความเสี่ยง ทั้งจากผู้ขับขี่ที่ใช้ความเร็วสูง ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับยานพาหนะระหว่างการเดินทาง ตลอดพฤติกรรมการละเมิดกฎจราจร มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี โดยความร่วมมือระหว่าง กองพัฒนานักศึกษา องค์การนักศึกษา ชมรมนักศึกษาอาสากู้ชีพ - กู้ภัย มรส. จึงร่วมกันบูรณาการเฝ้าระวัง ป้องกัน และลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 เพื่อสร้างความตระหนัก รับรู้ และกระตุ้นเตือนจิตสํานึกให้กับประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่  โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนเดินทางสัญจรอย่างปลอดภัยและมีความสุข
.
นายธีรดนย์ ศรีนิล นายกองค์การนักศึกษา ภาคปกติ ประจําปี 2564 เปิดเผยว่า การสร้างจิตสํานึกให้นักศึกษา ตระหนักถึงหน้าที่ของตนในการมีส่วนร่วมช่วยเหลือสังคม และรณรงค์งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขณะขับขี่ในช่วงเทศกาลเพื่อลดอุบัติเหตุ โดยองค์การนักศึกษาและนักศึกษาชมรมกู้ชีพ-กู้ภัย มหาวิทยาลัยราชภัฏ            สุราษฎร์ธานี ได้บูรณาการการดําเนินงานร่วมกันกับทุกภาคส่วน ทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ต่อการดําเนินงานอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่องตลอดจนถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้ง ชุมชน หมู่บ้าน อาสาสมัครต่าง ๆ และ ประชาชน ได้เข้ามามีส่วนร่วมและเป็นเจ้าภาพในการดําเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ทั้งจากคน ยานพาหนะ และ สิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุด รวมทั้งเพื่อดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนให้ ครอบคลุมทุกมิติ และสร้างความตระหนักด้านความปลอดภัยทางถนนให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนน โดยจัดให้มีการตั้งจุดแสตนบายบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี จํานวน 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2564 ถึง วันที่ 4 มกราคม 2565
.
ในโอกาสนี้ ผศ.ดร.วัฒนา รัตนพรหม รักษาราชการแทนอธิการบดี มรส. ได้มีการแสดงความยินดี พร้อมมอบเกียรติบัตร และทุนการศึกษา แก่นักศึกษาที่ได้สร้างผลงานและรับรางวัลจากการเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ  ดังนี้ 
1. ทุนการศึกษาจาก มูลนิธินายห้างโรงปูนผู้หนึ่ง จำนวน 2 ทุน ๆ ละ 20,000 บาท 
    ได้แก่ นายณรงค์ฤทธิ์ วงศ์จินดา และนางสาวสุภิญญา สมคิดหมาย สาขาวิชาคณิตศาสตร์ คณะครุศาสตร์
2. ทุนการศึกษาจาก มูลนิธิปอเต็กตึ้ง จำนวน 1 ทุน ๆ ละ 25,000 บาท 
    ได้แก่ นางสาวศศิธร  ยอดจันที สาขาวิชาการเมืองการปกครอง คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
3. ทุนการศึกษา เฉลิมราชกุมารี จำนวน 1 ทุน ๆ ละ 55,000 บาท 
    ได้แก่ นางสาวมธุลิน ศรีเทพ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ คณะครุศาสตร์
4. ทุนนักศึกษาผู้พิการ จำนวน 2 ทุน 
    ได้แก่ นายธรรมรงชัย ยอดสุราง ได้แก่ นายธนาศวร กุลศิริ สาขาวิชาการพัฒนาชุมชน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
  .    
นอกจากนี้ ร่วมแสดงความยินดีกับผู้นำนักศึกษาที่ผ่านการเข้าร่วมอบรมโครงการโฆษกกระทรวง อว. นักศึกษาจากชมรม TO BE NUMBER ONE มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศต้นแบบระดับทอง และนักกีฬากรีฑา ที่ได้รับถ้วยรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทคะแนนรวมระดับประชาชน ในการแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์มุ่งสู่กีฬาเอเชี่ยนเกมส์ 2565 
--------------------------------
#สื่อสารองค์กรมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี

https://www.facebook.com/177682502753314/posts/1289010594953827/

หนังสือพิมพ์ตาทันนิวส์

แพร่//   วรรณคดีเล่าขาน  สืบสานตำนานรักพระลอ  ขอพรปู่เจ้าสมิงพราย   ณ.ลานวัฒนธรรม   อุทยาน 
ลิลิตพระลอ
 
              การท่องเที่ยวแห่งประเทศ( ททท. )สำนักงานแพร่  ร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแพร่, สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอสอง ,ที่ว่าการอำเภอสองและองค์กรบริหารส่วนตำบลบ้านกลาง, องค์กรการปกครองท้องถิ่นในพื้นที่อำเภอสอง  หน่วยงานภาครัฐและเอกชนพร้อมด้วย  ประชาชนชาวอำเภอสอง  ร่วมกันจัดงาน  "  รวมพลคนปีขาล  ลูกหลานปู่เจ้าสมิงพราย  สืบสานตำนานรักพระลอ   ขอพรปู่เจ้าสมิงพราย  " ประจำปี 2564  โดยจัดขึ้นในวันที่  29 ธันวาคม  2564  ณ. อุทยานลิลิตพระลอ  หมู่ที่ 1 บ้านธาตุพระลอ  ต.บ้านกลาง  อ.สอง  จ.แพร่ ซึ่งงานกิจกรรมนี้จะมีการจัดขึ้นในทุกปีเป็นงานประจำปีทัองถิ่นของชาวอำเภอสอง ปีนี้เป็นปีที่ 9 ของการจัดงานกิจกรรม โดยมี นาย ศุภชัย  บุญทิพย์    นายอำเภอสองเป็นประธานเปิดงานในพิธี  และ  นางรัตนา  สันตกิจ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม   เป็นประธานในพิธีบวงสรวง    โดยการจัดกิจกรรมมีวัตถุประสงค์  เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและสืบสานประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของอำเภอสองและเป็นการประชาสัมพันธ์  อุทยานลิลิตพระลอ  ซึ่งเป็นแหล่งโบราณสถานที่มีประวัติความเป็นมาเกี่ยวข้องกับเวียงสอง ( ปัจจุบันคือ อ.สอง )


























 สันนิษฐานว่า    บริเวณนี้เคยเป็นเมืองสรองมาก่อนเพราะปรากฎเนินหินเป็นแนวกำแพงดินสามชั้นให้เห็นเป็นตระหง่าน   เป็นแหล่งเรียนรู้ทางการศึกษาค้นคว้า     เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางศิลปวัฒนธรรมเชิงประวัติศาสตร์และสืบสานประเพณีอันดีงามของชาวจังหวัดแพร่ให้เป็นที่รู้จัก  เป็นการเชื่อมโยงวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก อนุรักษ์วรรณกรรมและวัฒนธรรมพื้นบ้าน    " ลิลิตพระลอ  "ได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรให้เป็นยอดแห่งลิลิต  เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า  เป็นตำราของหนังสือลิลิตในยุคต่อมา   อุทยานเรื่องลิลิตพระลอนี้ถูกแต่งขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้น  เล่ากันว่า    มีเมืองสองเมืองคือ      เมืองสรวงและเมืองสรอง     เมือง สรวงมีลูกชายชื่อพระลอ  รูปโฉมงดงามยี่งนัก      ส่วนเมืองสรองอีกเมืองหนึ่งมีลูกสาวสองคน  คือ  พระเพื่อนและพระแพง  สองเมืองนี้มีความแค้นต่อกัน    ต่อมาพระเพื่อนและพระแพงหลงรักพระลอ จากคำกล่าวขาน  จึงทำให้ปู่เจ้าสมิงพรายทำเสน่ห์หลายวิธีในที่สุดทั้งสามก็ได้พบกันและอยู่ด้วยกันที่เมืองสรองอย่างลับๆ  ต่อมาพระเจ้าย่าของพระเพื่อนพระแพงทราบเรื่องจึงโกรธและให้ทหารล้อมตำหนักของทั้งสาม  สังหารหลานสาวของตนและพระสวามี   ทั้งสามยีนอิงพิงกันสิ้นลมดูสง่างามยิ่งนัก  ในอุทยานสร้างสถานที่ตามท้องเรื่อง คืออนุสรณ์พระลอ พระเพื่อนและพระแพง  ทั้งสามองค์ยืนอิงพิงกันสิ้นลมถูกลูกธนูปักอยู่เต็มตัวมีไก่แก้ว ที่ปู่เจ้าสมิงพรายใช้หลอกล่อ    พระลอให้รีบมาหาพระเพื่อนและพระแพง  สร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์เพื่อระลึกถึงความรักอมตะของพระลอแห่งนครแมนสรวงและพระเพื่อน-พระแพงแห่งเมืองสรอง จึงกล่าวกันว่าสถานที่แห่งนี้เป็นต้นกำเนิดของวรรณคดีเรื่อง   " ลิลิตพระลอ  " ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองสรองล้านนา   บอกเล่าเรื่องราวที่บันทึกไว้  ตำนานความรักอมตะ ภาพประวัติศาสตร์  วรรณคดีที่เล่าขานสืบทอดมาสู่รุ่นลูกรุ่นหลานต่อไปในภายภาคหน้า  นอกจากนี้ยังมีการจำลองถ้ำของปู่เจ้าสมิงพราย  ภายในถ้ำได้จัดแสดงภาพ ประติมากรรมฝาผนัง เรื่องราวเกี่ยวกับวรรณคดีลิลิตพระลอ  ด้านนอกมีอาคารมีการจัดแสดงประวัติและวัตถุโบราณที่ขุดพบในบริเวณอุทยาน    ในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจอย่างมาก  อาทิเช่น  การชมขบวนแห่เครื่องสักการะ  12 หมู่บ้านในตำบลบ้านกลาง ,พิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ( ปู่เจ้าสมิงพราย/อนุสรณ์พระลอ - พระเพื่อนและพระแพง ) ,พิธีสืบชะตา ซึ่งเป็นพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตของชาวล้านนา  เชื่อกันว่า เป็นการต่ออายุหรือต่อชีวิตของบ้านเมืองหรือของคนให้ยืนยาว มีความสุข  ความเจริญ เป็นพิธีกรรมที่ทำมาแต่ครั้งพุทธกาลจนถึงปัจจุบัน  ของประกอบในพิธีทุกอย่างล้วนมีความหมาย  มีปริศนาธรรมแฝงอยู่  ทุกอย่างเป็นประเพณีอย่างหนึ่งของชาวล้านนาที่ได้ปฎิบัติสืบต่อกันมาเป็นสิ่งที่มีคุณค่าควรรักษาสืบทอดต่อไป   ชมการแสดงลิลิตพระลอจากโรงเรียนสองพิทยาคม  มอบเงินสนับสนุนการแสดง  มอบรางวัลขบวนแห่เครื่องสักการะบูชา  พร้อมชมการแสดงของแต่ละโรงเรียนในพื้นที่อำเภอสอง  ภายในงานจัดให้มีการประกวดทำลาบเมืองสรอง ,  ประกวดไก่หมานพระลอเมืองสอง ,มีกิจกรรม OTOP นวัตวิถีชุมชน ,กิจกรรมกาดหมั้วครัวเวียงสรอง  ให้ผู้เข้าร่วมงานได้เพลิดเพลินชมและชิมกับหลากหลายเมนูอาหารพื้นเมือง  อีกทั้งมีการแสดงซอพื้นเมืองที่หาชมได้ยาก   มีกิจกรรมลานวัฒนธรรมและชมนิทรรศ
การของพื้นบ้าน       การสาธิตภูมิปัญญาท้องถิ่นการทำข้าวห่อพระลอ  เลือกซื้อสินค้าชุมชนท้องถิ่น  และอีกกิจกรรมที่พลาดชมไม่ได้เลยในงานนี้  ซึ่งในปีนี้ทางอำเภอสองจัดพิเศษกว่าทุกปีคือ  การแสดงกลองมองเซิงประกอบกับลีลาการวาดภาพ  ของอาจารย์  นคร   บุญญาสัยได้โชว์ฝีมือการวาดภาพ  สามกษัตริย์ " ลิลิตพระลอ " วาดภาพพระเพื่อน(พี่)ด้วยมือซ้าย  วาดภาพพระแพง(น้อง)ด้วยมือขวา  วาดภาพพระลอสองมือ เทคนิคสีชอล์กน้ำมัน  และวาดภาพช้างเอราวัณ วาดสองมือด้วยเทคนิคเกรยองสองมือ  สำหรับผู้ที่เดินทางมาเที่ยวงานยังสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวต่อยังสถานที่ใกล้เคียงได้อีกหลายแห่ง เช่น วัดและพระธาตุพระลอขับรถเลยอุทยานลิลิพระลอไปอีก 300 เมตรไม่ไกลกัน  เที่ยววัดพระธาตหนองจันทร์, อุทยานแห่งชาติแม่ยม ,  ในการจัดกิจกรรมในงานครั้งนี้ ได้ปฎิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด  ผู้เข้าร่วมงานต้องผ่านจุดคัดกรอง ตรวจวัดอุณภูมิและสวมหน้ากากอนามัยทุกคน

ภาพข่าว//                ราเชนทร์   โชติถนอมกิจ 
    แพร่..รายงาน

ข่าวยอดนิยม สังคมสนใจ

หนังสือพิมพ์ตาทันนิวส์ออนไลน์

ข่าวภูมิภาค เชิญเที่ยว ช๊อป ชิม ริมบึงสามพัน(ถนนคนเดิน) ...