ตามที่ พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ผบ.ทสส/หน.ศปม.) ได้สั่งการให้หน่วยงานด้านความมั่นคง ดำเนินการจัดตั้งจุดตรวจจุดสกัด และชุดสายตรวจในการลาดตระเวนเพื่อกำกับดูแลการปฏิบัติ และการเดินทางในพื้นที่สูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด จำนวน 179 จุด และด่านตรวจรอยต่อระหว่างจังหวัด จำนวน 55 จุด นั้น
ในวันนี้ (29 กรกฎาคม 2564) เวลา 15.00 นาฬิกา พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทสส/หน.ศปม. ได้มอบหมายให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ ศปม. เดินทางไปตรวจเยี่ยมด่านตรวจเข้มแข็งรอยต่อพื้นที่สีแดงและสีแดงเข้มในจังหวัดต่าง ๆ เพื่อติดตามการปฏิบัติหน้าที่ และรับทราบปัญหาข้อขัดข้องจากการปฏิบัติงานของฝ่ายความมั่นคง พร้อมทั้งให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกนายที่ได้ปฏิบัติงานด้วยความทุ่มเท เสียสละอย่างเต็มกำลังความสามารถ และกำชับให้เพิ่มความระมัดระวังในการดูแลสุขภาวะส่วนบุคคลของเจ้าหน้าที่ทุกนายในขณะปฏิบัติหน้าที่ด้วย
โดย พลเอก ปริพัฒน์ ผลาสินธุ์ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด/รองหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (รอง ผบ.ทสส./รอง หน.ศปม.) ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมด่านตรวจฯ จำนวน 2 จุด ได้แก่ ด่านตรวจรอยต่อข้ามจังหวัดพระนครศรีอยุธยา บริเวณหน้าตู้ยามมหาราช ทางหลวงหมายเลข 32 (เอเชีย) ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ และด่านตรวจรอยต่อข้ามจังหวัดอุทัยธานี บริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรไชโย ฝั่งขาออกกรุงเทพฯ
ทางด้าน พลเอก สุพจน์ มาลานิยม เสนาธิการทหาร/เสนาธิการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (เสธ.ทหาร/เสธ.ศปม.) เดินทางไปตรวจเยี่ยมด่านตรวจฯ จำนวน 2 จุด ได้แก่ ด่านตรวจรอยต่อข้ามจังหวัดนครนายก บริเวณหน้าร้านอาหารครัวเป็นปลื้ม ถนน รังสิต - นครนายก ตำบลคลองใหญ่ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก และจุดตรวจรอยต่อข้ามจังหวัดปทุมธานี บริเวณด้านหน้าห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขานวนคร ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
และ พลเอก ธิติชัย เทียนทอง รองเสนาธิการทหาร/รองเสนาธิการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (รอง เสธ.ทหาร/รอง เสธ.ศปม.) เดินทางไปตรวจเยี่ยมด่านตรวจฯ จำนวน 2 จุด ได้แก่ ด่านตรวจรอยต่อข้ามจังหวัดนครปฐม บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอบางเลน และด่านตรวจฯ บริเวณหน้าร้านอิ่มก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา ถนนหมายเลข 3263 อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม
โดย ผู้บังคับบัญชาฯ ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวดกวดขันในการคัดกรอง ชะลอ และสกัดกั้นการเดินทางข้ามจังหวัดของประชาชน พร้อมทั้งขอให้สร้างความเข้าใจและขอความร่วมมือประชาชนหลีกเลี่ยง จำกัด และงดการเดินทางเข้าออกจังหวัดในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดโดยไม่มีเหตุจำเป็น โดยให้อยู่ภายใต้มาตรการการควบคุมโรคโควิด 19 อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่ามีผู้ฝ่าฝืนจากมาตรการจำกัดการเคลื่อนย้ายและการดำเนินกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดฯ ของบุคคลในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ให้บังคับใช้บทลงโทษตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558
กองบัญชาการกองทัพไทย Royal Thai Armed Forces Headquarters
รายงานข่าว. ว่าที่ ร้อยตรี บุญธิญา คม ตำแหน่ง หัวหน้าผู้สื่อข่าวส่วนกลาง /
รอง บก. / รองหัวหน้าศูนย์ข่าวภูมิภาค / ส.พทท.สมาคมสื่อมวลชนเพื่อการท่องเที่ยว