ด่วน! มติที่ประชุม คกก.ควบคุมยาเสพติด ปลดล็อก กัญชา พ้นรายชื่อ ยส.5 แล้ว
มติที่ประชุม คกก.ควบคุมยาเสพติด ปลดล็อก กัญชา พ้นรายชื่อ ยส.5 แล้ว ส่งไม้ต่อ คกก.ป.ป.ส. 25 ม.ค.นี้ ก่อนสิ้นสุดที่ อนุทิน ลงนามประกาศใช้
เมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีการเดินหน้ากำหนดทิศทางกฎหมายควบคุมยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามความในประมวลกฎหมายยาเสพติด ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2564 เป็นต้นมา ซึ่งไม่มีการระบุชื่อ กัญชา และกัญชง ในประเภทของยาเสพติดให้โทษ ดังนั้น ขั้นตอนแรก คือ การระบุชื่อยาเสพติดให้โทษ อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยคณะกรรมการที่แต่งตั้งขึ้นตามระบุในประมวลฯ จะพิจารณาเห็นชอบ หลังจากนั้นจึงออกเป็นประกาศกระทรวงสาธารณสุข ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงนามต่อไป
เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการกลั่นกรองการระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 โดยมี นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นประธานฯ ได้เห็นชอบ (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. .... คือ สารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชาหรือกัญชง ซึ่งเป็นพืชในสกุล Cannabis ยกเว้นที่ไม่เป็นยาเสพติดให้โทษ คือ ก.สารสกัดจากพืชกัญชา กัญชง เฉพาะที่ได้จากการอนุญาตปลูกในประเทศ ในทุกส่วนที่มีปริมาณสาร THC ไม่เกิน 0.2% โดยน้ำหนัก และ ข.สารสกัดจากเมล็ดกัญชา กัญชง ที่ได้จากการปลูกในประเทศเช่นกัน
ล่าสุด ในวันนี้มีการประชุมคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด ตามประมวลกฎหมาย ยาเสพติด กำหนดให้ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานกรรมการฯ ซึ่งได้มอบหมายให้ นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมฯ โดยมีวาระเพื่อพิจารณาที่สำคัญ คือ (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 พ.ศ. .... โดยองค์ประชุมประกอบด้วยผู้แทนหน่วยงานจากหลายภาคส่วน อาทิ อธิบดีจากทุกกรมของกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา อัยการสูงสุด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) นายกสภาการแพทย์แผนไทย นายกสภาเภสัชกรรม และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่ง รมว.สาธารณสุข แต่งตั้งจำนวน 10 คน จากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ ในจำนวนนี้ให้แต่งตั้งจากภาคเอกชน ไม่น้อยกว่า 3 คน