หนังสือพิมพ์ตาทันนิวส์

สี่ปีก่อตั้ง 'เขื่อนล่าง Sesan 2' ยังคงสร้างทุกข์

พนมเปญ กัมพูชา - สี่ปีหลังจากเสร็จสิ้นโครงการ "เขื่อนล่าง Sesan 2" ที่เปิดตัวในปี 2018 ได้กลายเป็นที่มาของความไม่สบายใจสำหรับชุมชนพื้นเมืองจำนวนมาก

พวกเขาคร่ำครวญถึงข้อเท็จจริงที่ว่าเขื่อนสร้างความเสียหายให้กับชุมชน และพวกเขาแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับค่าชดเชยที่พวกเขาได้รับแทนที่จะต้องทนทุกข์ทรมาน

โฆษกรัฐบาล พาย สีพรรณ กล่าวว่า รัฐบาลได้สร้างชุมชนใหม่และดีกว่าที่มีโรงเรียนและโรงพยาบาล โดยอธิบายว่าสถานการณ์ที่ชุมชนท้องถิ่นได้รับในขณะนี้ดีกว่าที่เคยเป็นมาก่อนการสร้างเขื่อน อย่างไรก็ตามชุมชนท้องถิ่นจะโต้แย้งเรื่องนี้

เลย์ ใหม่ ซึ่งเป็นหญิงพื้นเมือง กล่าวว่า เธอไม่พอใจกับค่าตอบแทนที่เสนอ และเสริมว่า เธออยากจะอยู่ในหมู่บ้านที่ถูกน้ำท่วม ซึ่งเธอยังคงสามารถหาอาหารได้

“สำหรับฉัน ถึงแม้ว่าฉันจะไม่พอใจกับค่าตอบแทนที่ได้รับ ฉันก็ยังต้องออกจากพื้นที่นี้เพราะน้ำเขื่อนท่วมทุ่งนาและหมู่บ้านของฉัน” ไม กล่าว

ขณะเดียวกัน เอ็ม สุวรรณารา นักวิเคราะห์การเมือง แย้งว่า รัฐบาลไม่มีกลยุทธ์ที่เหมาะสมในการแก้ปัญหาชาวบ้าน

“เขื่อนส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก แต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตจนรัฐบาลช่วยไม่ได้ รัฐบาลกัมพูชาไม่ได้ชดเชยคนที่เหมาะสม ค่าชดเชยของรัฐบาลบางส่วนมาจากคนผิด ดังนั้นชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจึงมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก” Sovannara กล่าวเสริม

ที่มา A24 News Agency

https://youtu.be/gd4igtPJcXM

หนังสือพิมพ์ตาทันนิวส์

เกษตรกรนำ 'การเกษตรไร้ดิน' มาใช้เพื่อจัดการกับพื้นที่การเกษตรที่ถดถอยในเขตเมือง

Mymensingh & Dhaka/ บังคลาเทศ- เกษตรกรในบังคลาเทศได้นำวิธีการ “Aquaponics” มาใช้ ซึ่งอนุญาตให้ทำฟาร์มปลาและผักโดยใช้โครงสร้างพื้นฐานเพียงแห่งเดียวในพื้นที่ขนาดเล็ก เนื่องจากวิธีการทำฟาร์มแบบใหม่ได้รับความนิยมไปทั่วประเทศเนื่องจากเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ.

Aquaponics ไม่ต้องการดินในการปลูกผัก เป็นเทคนิคในการปลูกพืชและผักในน้ำโดยไม่ใช้ดิน

Dr. Md. Abdus Salam ศาสตราจารย์ภาควิชาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ กรมประมง มหาวิทยาลัยการเกษตร Mymensingh กล่าวว่า “เป็นกระบวนการเพาะปลูกที่เป็นเทคนิคไร้ดินซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมซึ่งใช้น้ำน้อยและไม่ใช้ปุ๋ย ในกระบวนการนี้ เราจะได้ปลาและผักออร์แกนิกอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากไม่ใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลง..”

ด้วยวิธีนี้ปลาจะผลิตของเสีย (แอมโมเนีย); จากนั้นแบคทีเรียจะเปลี่ยนเป็นไนเตรต จะนำปลาไปที่ถาดต้นไม้โดยใช้เครื่องสูบน้ำ

ต้นไม้ทำให้น้ำบริสุทธิ์โดยเอาไนโตรเจนจากน้ำและน้ำสะอาดกลับคืนสู่ตู้ปลา ซึ่งถือว่าเป็นน้ำที่ปลอดภัยสำหรับปลา อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของ Aquaponics สามารถทำได้โดยจัดการกับความท้าทายหลายประการเท่านั้น ต้องมีการบำรุงรักษาและตรวจสอบอุปกรณ์เป็นประจำ

นอกจากนี้ยังต้องให้อาหารปลาอย่างถูกต้องและการตลาดปลาและผักในเวลาที่เร็วที่สุด

“ภาวะโลกร้อนกำลังเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไม่สามารถรักษาสมดุลของสิ่งแวดล้อมได้ ดังนั้นถ้าเราฝึก Aquaponics บนหลังคา เราก็สามารถทำได้อย่างสวยงามและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” Said Urmi Akhter นักศึกษาภาควิชาวัฒนธรรมทางน้ำ มหาวิทยาลัยเกษตร Mymensingh

ในขณะเดียวกัน Mr. Mahbubur Rahman หัวหน้าฝ่ายดูแลสัมภาระของ Biman Bangladesh Airlines ในเมือง Mirpur กรุงธากา กล่าวเสริมว่า “พื้นที่เล็กๆ นี้ทำให้ฉันสามารถผลิตถั่วเขียวได้เกือบ 80-100 กิโลกรัม และฉันไม่จำเป็นต้องซื้อถั่วเขียวจากตลาด ฉันยังมอบบางส่วนให้สมาชิกในครอบครัวในหมู่บ้านของฉันใน Teknaf”

ที่มา A24 News Agency

https://youtu.be/okhae8lhY2s

หนังสือพิมพ์ตาทันนิวส์

ข่าวด่วน! เจอร่าง แตงโม นิดา หลังพลัดตกเรือ จมหายในแม่น้ำเจ้าพระยา วันที่ 26 ก.พ. 2565

ด่วน เจ้าหน้ากู้ภัยที่พบร่าง แตงโม นิดา ดารานักแสดง แล้ว หลังพลัดตกเรือ จมหายในแม่น้ำเจ้าพระยา หลังดำเนินการค้นหานานกว่า 30 ชั่วโมง

จากกรณี แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ ดารา-นักแสดงชื่อดัง พลัดตกจากเรือ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงใต้สะพานพระราม 7 ท่าเรือพิบูลสงคราม เขตจังหวัดนนทบุรี ระหว่างล่องเรือกับเพื่อน ๆ โดยมีเจ้าหน้าที่กู้ภัย รวมถึงนักประดาน้ำ ระดมลงพื้นที่ค้นหาร่างนักแสดงสาวตั้งแต่ช่วงกลางดึกคืนวันที่ 24 ก.พ. ขณะนี้ยังไม่พบ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

วันที่ 26 ก.พ.2565 ทางมูลนิธิร่วมกตัญญูได้ลงเรือออกสำรวจบริเวณพื้นที่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ไปทางฝั่งทิศเหนือคือมุ่งตรงไปยังสะพานพระนั่งเกล้า จนถึงทิศใต้สะพานพระปิ่นเกล้า โดยปูพรมค้นหาบริเวณ 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณดังกล่าวตั้งแต่เวลา 07.00-08.30 น. จนถึงขณะนี้ได้มีการสลับลงพื้นที่ค้นหาอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้พบร่างของ แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ แล้ว เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการนำร่างขึ้นมาบนฝั่ง ทั้งนี้ ได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ชุดที่พบร่างของแตงโมลอยอยู่ สภาพสวมเสื้อสีเดียวกับที่ปรากฏภาพถ่ายสุดท้ายก่อนเกิดเหตุ ซึ่งจุดที่พบเป็นจุดที่แม่ของแตงโมได้โปรยดอกไม้ไว้เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ จะให้รายงานให้ทราบอีกครั้ง

หนังสือพิมพ์ตาทันนิวส์

สายการบินนกแอร์ ยืนยัน เปิดบินเที่ยวบินพาณิชย์ กรุงเทพฯ เบตง ในวันที่  14 มี.ค.นี้

ยะลา - ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด(มหาชน) ยืนยัน เปิดบินเที่ยวบินพาณิชย์ กรุงเทพฯ-เบตง ในวันที่  14 มี.ค.นี้ หรือในวันอื่นที่นายกรัฐมนตรีกำหนด พร้อมบินลงเบตง ให้บริการ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ 

นายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด(มหาชน) ได้ทำหนังสือลงวันที่ 24 ก.พ.65 ถึงนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เรื่อง ยืนยันการเปิดให้บริการเส้นทาง กรุงเทพฯ-เบตง โดยระบุว่า บริษัทฯ ขอขอบคุณสำหรับการประชุมร่วมกันในเรื่องของการเปิดให้บริการเส้นทาง กรุงเทพฯ-เบตง เมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งผลการประชุมดังกล่าวเป็นที่น่าพอใจ โดยบริษัทฯ ขอยืนยันในความพร้อมให้บริการสู่ท่าอากาศยานเบตงในรูปแบบเที่ยวบินพาณิชย์ โดยกำหนดวันเริ่มให้บริการ ณ ขณะนี้คือ วันที่ 14 มี.ค.65 ด้วยความถี่ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ (ให้บริการในวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์) 

ทั้งนี้ในช่วงก่อนวันเริ่มให้บริการดังกล่าว บริษัทฯ จะจัดเตรียมความพร้อมในด้านอากาศยานที่จะใช้ทำการบิน รวมถึงการหารือในรายละเอียด และสรุปแนวทางในการปฏิบัติงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมท่าอากาศยาน(ทย.) บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด(บวท.) หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภาคเอกชนในจังหวัดยะลาในด้านของการจัดจำหน่ายบัตรโดยสาร เพื่อให้สามารถปฏิบัติการบินเชิงพาณิชย์ปฐมฤกษ์ในวันที่ 14 มี.ค.65 หรือในวันอื่นที่นายกรัฐมนตรีกำหนด

บริษัทฯ ขอขอบคุณในการสนับสนุนเป็นอย่างดีมาโดยตลอดจากกระทรวงคมนาคม และจะรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมในการเปิดให้บริการเส้นทาง กรุงเทพฯ-เบตง อย่างเป็นระยะ

ข่าว..เจษฎา สิริโยทัย อ.เบตง จ.ยะลา  โทร.064-126-5593 – 080-036-2786

หนังสือพิมพ์ตาทันนิวส์

ประเทศไทย – ชาวเชียงใหม่ร่วมใจดูแลช้างหลังไร้การเหลียวแลจากภาครัฐ

จากการสำรวจของสหพันธ์ช้างไทย ปัจจุบันประเทศไทยมีช้างเลี้ยงอยู่ราว 3,700 – 3,800 เชือก ซึ่งส่วนมากเป็นช้างที่ถูกใช้งานในแวดวงการท่องเที่ยว เกือบทั้งหมดได้กลายสภาพเป็นช้างตกงานจากภาวะเศรษฐกิจและการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้เกิดปัญหาในการเลี้ยงดูช้างตามมา เนื่องจากช้างแต่ละเชือกจะต้องกินอาหารให้ได้วันละ 10% ของน้ำหนักตัว ขณะที่ช้างแต่ละเชือกมีน้ำหนักตั้งแต่ 2,000 – 5,000 กิโลกรัม เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้เป็นผู้ริเริ่มไอเดียในการบริจาคที่ดินเปล่าในเขตอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ให้ชาวบ้านในพื้นที่และควาญช้างได้มาช่วยกันปลูกหญ้าเนเปียเพื่อนำไปเป็นอาหารช้าง จนทำให้ปัจจุบันมีหน่วยงานราชการและเอกชนอีกหลายรายที่ได้บริจาคที่ดินเปล่า หรือบริจาคอาหารให้กับช้างตามปางต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ อย่างไรก็ตาม ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา นอกจากความช่วยเหลือจากองค์กรต่างๆ ภายในพื้นที่ และการบริจาคจากประชาชนทั่วไปแล้ว ยังไม่มีนโยบายความช่วยเหลือใดๆ จากภาครัฐ ขณะที่สมาคมสหพันธ์ข้างไทย วอนให้รัฐบาลไทยมองว่าช้างเป็นประชากรอีกส่วนหนึ่งของประเทศด้วย

ปรีทอง สิงขรพิทักษ์ – คนงานปลูกหญ้าเนเปีย บอกว่า “ดูแลหญ้า แล้วก็ปลูกหญ้าครับให้ช้างครับ ยกขึ้นรถครับ ยกขึ้นรถไปส่งปางช้างต่างๆ นะครับ ไปส่งแม่แตงบ้าง แม่วางบ้าง แม่ริมบ้าง แล้วก็พัทร เอ้ย หางดงบ้างนะครับ”

ธีรภัทร ตรังปราการ – นายกสมาคมสหพันธ์ช้างไทย

บอกว่า “ช้างในประเทศไทยเนี่ยกว่า 3,800 เชือกเนี่ย ส่วนมากแล้วได้รับการเลี้ยงดูหรือดูแลในสารบบของการท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นตั้งแต่เราปิดประเทศมาเนี่ย จนถึงวันนี้แล้วก็ครบรอบ 2 ปีแล้ว ก็เป็นที่แน่ชัดว่าคนเลี้ยงช้างไม่มีรายได้ แทบจะทุกวันหรือวันเว้นวันเนี่ย เราต้องประสบปัญหาได้รับการรายงานถึงช้างที่ล้มป่วยและตายลงนะครับ”

กันทอง เลิศวงษ์รัตนกุล – ควาญช้าง บอกนักข่าว “ที่แม่ขนิลนี่มี 10 กว่าเชือกครับ ดูแลตอนนี้ 2 แม่ลูกครับ ทุกวันนี้ก็หาตัดหญ้าที่ปลูกไว้ให้นะครับ เพราะว่าตอนนี้จะเข้าหน้าแล้งแล้ว หญ้าไม่ค่อยเพียงพอแล้วครับ”

เพิ่มพงษ์ สาวิกันย์ - ผู้จัดการโครงการปางช้างภัทร บอกว่า “ก็ช่วยกันกับควาญช้าง ก็ดูแลสถานที่ ดูช้างช่วยกัน ไปดูสถานที่ที่ออกไปไกลจากนี่ฮะ เข้าไปในป่า ไปดูว่ามีอาหารช้างมั้ย ถ้ามีก็มาบอกกัน ก็คืออยากให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามา ถ้ามีนักท่องเที่ยวเข้ามาเราก็จะมีรายได้สำหรับที่จะช่วยดูแลค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับควาญช้าง”

ธีรภัทร ตรังปราการ – นายกสมาคมสหพันธ์ช้างไทย บอกว่า “สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อดีของโครงการนำร่องที่เริ่มต้นด้วยบริษัท แสนสิริ จำกัดนะครับ กลายเป็นว่า หน่วยงานอื่นที่เห็นแนวทางก็เข้ามาสนับสนุนโครงการของสมาคมด้วย ล่าสุดก็เป็นความร่วมมือของภาคทหารนะครับ กองพันสัตว์ต่างร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่นะครับ ร่วมกันให้เราใช้พื้นที่กว่าร้อยไร่ในการปลูกหญ้านะครับ ซึ่งก็เป็นเฟสที่ 2 รวมถึงเอกชนรายต่างๆ ที่มีการติดต่อเข้ามา สิ่งที่ยังหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือการหางบประมาณในการจ้างควาญ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราทุกคนคงต้องช่วยกันคิดต่อไปว่าทำยังไงถึงจะรักษาควาญช้าง 3-4,000 คนเนี่ย เพื่อให้เขาช่วยเลี้ยงดูช้างของประเทศไทยให้ได้”

ธีรภัทร ตรังปราการ – นายกสมาคมสหพันธ์ช้างไทย เพิ่มว่า “เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศเราเป็นประเทศที่มีช้างนะครับ เพราะฉะนั้นนอกจากมีประชากร 70 กว่าล้านคนที่จะต้องดูแลแล้ว ข้อนึงที่รัฐบาลจะลืมไม่ได้ มองข้ามไม่ได้เลยก็คือยังมีประชากรช้างกว่า 3,800 เชือก ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยครับ”

ที่มา A24 News Agency

https://youtu.be/tYQ4TiGew_c

หนังสือพิมพ์ตาทันนิวส์

นักข่าวกลุ่มน้อยประณามความรุนแรงต่อพวกเขาท่ามกลางการขาดการคุ้มครองสื่อ

โคลัมโบ/ศรีลังกา - อาชญากรรมต่อนักข่าวที่เป็นตัวแทนหรือจากชนกลุ่มน้อยทมิฬได้รับรายงานในอัตราที่น่าตกใจ เนื่องจากนักข่าวกล่าวว่าการคุกคามและการละเมิดต่อนักข่าวอย่างต่อเนื่องถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน

นักข่าวอาวุโส Harendran Krishnasamy กล่าวว่าการล่วงละเมิดและความรุนแรงต่อนักข่าวชาวทมิฬได้เพิ่มสูงขึ้น โดยสังเกตว่ามีการรายงานข่าว 2 ครั้งต่อนักข่าวเมื่อเร็วๆ นี้

เหตุผลที่ทำให้โกรธเคืองมากขึ้นคือข้อเท็จจริงที่ว่าเจ้าหน้าที่ได้ยอมรับหรือไม่ได้ดำเนินการตามความจำเป็นกับผู้กระทำความผิด

นักข่าวอาวุโส Shanuka Karunaratne อธิบายว่า “สงครามตะวันออกเฉียงเหนือ” ที่สิ้นสุดในปี 2552 ยังคงปรากฏให้เห็นมาจนถึงทุกวันนี้ เนื่องจากนักข่าวชาวทมิฬยังคงถูกคุกคามในวงกว้าง และยังมีเหตุการณ์ความรุนแรงต่อนักข่าวจำนวนมากที่ไม่ได้รับการรายงาน

การุณราธเนนักข่าวสำนักข่าว A24 กล่าวว่าชุมชนทมิฬหวังว่าเมื่อสิ้นสุดสงคราม การปฏิบัติต่อชาวทมิฬจะเปลี่ยนไป อย่างไรก็ตาม พวกเขาคิดผิด เนื่องจากเหตุการณ์ที่ต่อต้านเสรีภาพในการแสดงออกถูกปราบปรามมากขึ้นเรื่อยๆ

นักข่าวได้เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการสอบสวนการสังหารนักข่าวและการหายตัวไปของนักข่าวในงานรำลึก 'Black January' ประจำปีในวันที่ 28 มกราคม

“นักข่าวอีกคนหนึ่งจากพื้นที่บัตติคาโลอาถูกคัดแยกออกไปและกำลังถูกตรวจสอบโดยกรมสอบสวนคดีอาญา (CID) ซึ่งขัดขวางกิจกรรมสื่อในแต่ละวันของเขา แม้ว่านักข่าวจะถูกคุกคามในอดีตจนถึงตอนนี้ก็ตาม ไม่เห็นมีการดำเนินการใด ๆ เพื่อสกัดกั้นภัยคุกคามต่อพวกเขา แม้ว่าจะมีการสอบสวนในเรื่องนี้ แต่ก็ยังไม่มีข้อสรุปใด ๆ ที่เปิดเผย” Krishnasamy กล่าว

นอกจากนี้ เขายังกล่าวเสริมว่า พวกเขาจะดำเนินความพยายามต่อไปอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยเพื่อปกป้องสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่มีเสรีภาพในการพูดและการแสดงออก และพูดต่อต้านผู้ที่ละเมิดสิทธิดังกล่าว

“ในช่วงที่ผ่านมา เรารายงานเหตุการณ์ที่นักข่าวสองคนถูกทำร้ายร่างกายในพื้นที่ Mullaitivu ในเมืองบัตติคาโลอา ทางตะวันออก นักข่าวรายหนึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของกองกำลังความมั่นคงของศรีลังกาอย่างเข้มงวด” การุนาราธเนกล่าว

ที่มา A24 News agency

https://youtu.be/7VgSL8lTeSk

หนังสือพิมพ์ตาทันนิวส์

ชาวประมงเรียกร้องให้ทางการบังคับใช้การควบคุมเพิ่มเติมเกี่ยวกับพรมแดนทางทะเล

โคลัมโบ ศรีลังกา - ความสัมพันธ์อินเดีย-ศรีลังกาได้รับผลกระทบจากการโจมตีและความตึงเครียดระหว่างชาวประมงในพื้นที่ชายแดนที่ใช้ร่วมกันของทั้งสองประเทศ

ปัญหานี้ถึงจุดไคลแม็กซ์ก่อนที่ทั้งสองประเทศจะตัดสินใจนำเรื่องนี้ขึ้นประชุมที่ระดับกองทัพเรือสูงสุดในเดือนกันยายน พ.ศ. 2564.

การประชุมดังกล่าวกล่าวถึงความท้าทายทั่วไปที่ทั้งสองประเทศต้องเผชิญ ในขณะเดียวกันก็เสริมสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างกองทัพเรือและหน่วยยามฝั่งของทั้งสองประเทศ

ชาวประมงศรีลังการายงานว่าพวกเขามักจะไม่ไปไกลในทะเลเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับคู่หูชาวอินเดียของพวกเขา พวกเขาเสียใจที่ชาวประมงอินเดียจะข้ามพรมแดนและบุกรุกพื้นที่ประมงของพวกเขา

พวกเขาอ้างว่าพวกเขาสูญเสียอุปกรณ์ตกปลาและอวนเนื่องจากการทะเลาะวิวาทที่ชายแดน ชาวประมงบางคนเสียชีวิตด้วย

ชาวประมงศรีลังการ้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่และตัวแทนในพื้นที่เพื่อยุติวิกฤต ยังไม่มีวิธีแก้ปัญหา

ในการพูดคุยกับสำนักข่าว A24 ญาติของชาวประมงที่เสียชีวิตบ่นว่าเนื่องจากรัฐบาลไม่ได้ดำเนินการใดๆ พวกเขาจึงต้องเผชิญหน้าชาวอินเดียนแดงด้วยตนเองและเสียชีวิต 2 ศพด้วยเหตุนี้

“รัฐบาลต้องคิดหาทางแก้ไข รัฐมนตรีได้มาเยือนที่นี่เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เรายังไม่ได้รับแนวทางแก้ไขใดๆ สำหรับเรื่องนี้ เราประท้วงเรื่องนี้เป็นเวลาสองวันติดต่อกัน แต่เรายังคงรอวิธีแก้ปัญหา เรามุ่งมั่นที่จะป้องกันการสูญเสียชีวิตและอุปกรณ์” ชาวประมงกล่าวเสริม

ชาวประมงท้องถิ่นกล่าวว่า จะหลีกเลี่ยงการสูญเสียชีวิตและอุปกรณ์ตกปลาในอนาคตได้ หากเจ้าหน้าที่ของทั้งสองประเทศทำงานร่วมกันและลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อบรรลุมติที่จริงจังซึ่งบังคับให้แต่ละฝ่ายต้องปฏิบัติตามอาณาเขตที่กำหนด

ที่มา A24 News Agency

https://youtu.be/qPtGq19JtX4

หนังสือพิมพ์ตาทันนิวส์

นักวิทยาศาสตร์เตือนการสูญพันธุ์ของสมุนไพร กระตุ้นการปลูกพืช

อูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย - มองโกเลียเป็นที่อยู่ของพืชชั้นล่างกว่า 7,700 ชนิดที่อยู่ร่วมกับเชื้อรา โดย 3,100 เป็นไม้ดอก โดยมีสมุนไพรเป็นส่วนประกอบหนึ่งในสามของทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ได้ส่งสัญญาณเตือนว่าทรัพยากรสมุนไพรทางการแพทย์หมดลงอันเป็นผลมาจากปัจจัยที่มนุษย์สร้างขึ้นและทางธรรมชาติ ซึ่งไม่น้อยไปกว่านั้นคือการขุดและการขยายตัวของเมือง

N. Ochgerel นักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการ กล่าวว่าสมุนไพรทางการแพทย์ส่วนใหญ่จะสูญพันธุ์ภายใน 20 ถึง 50 ปี หากไม่มีการตอบสนองอย่างร้ายแรงต่อการจัดการที่ไม่ถูกต้องและการใช้ประโยชน์จากสมุนไพร

เขาเสริมว่าการสูญเสียสมุนไพรอย่างต่อเนื่องจะทำให้ปัญหาการกลายเป็นทะเลทรายและความแห้งแล้งรุนแรงขึ้น

Ochgerel เรียกร้องให้ใช้สมุนไพรที่มีอยู่อย่างรับผิดชอบโดยการเลือกและเตรียมสมุนไพรอย่างเหมาะสม เขายังเรียกร้องให้ปลูกสมุนไพรทุกครั้งที่ทำได้

“สาเหตุที่ทำให้สมุนไพรหมดไปเพราะผู้คนและธุรกิจใช้ทรัพยากรธรรมชาติโดยตรง ทรัพยากรมีความหลากหลาย ทรัพยากรชีวภาพและการดำเนินงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทรัพยากรที่มีให้เรานั้นมีจำกัดอย่างมาก” ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์ M. Urgamal กล่าว

ที่มา A24 News Agency

https://youtu.be/TxP0mmi_vVo

หนังสือพิมพ์ตาทันนิวส์

มรส. รับมอบโปรแกรมจัดการสำนักงาน WPS Office หวังลดขั้นตอนต่อยอดการใช้งาน

-----------------------------------------

เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ณ สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี (มรส.) ผศ.ดร.วัฒนา รัตนพรหม รักษาราชการแทนอธิการบดี พร้อมด้วย ผศ.ปริญญา น้อยดอนไพร ผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ และดร.พลกฤต แสงอาวุธ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ ร่วมรับมอบโปรแกรมจัดการสำนักงาน WPS Office Software โปรแกรมลิขสิทธิ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ที่ได้รับการพัฒนาและนับเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด สร้างความสะดวกแก่ผู้ใช้งาน ลดขั้นตอน ต่อยอดการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ ก้าวล้ำคู่แข่งในการจัดการ ส่งข้อมูล ทุกโปรแกรมการใช้งานอยู่บนหน้าจอเดียวกัน จาก นายสุรพงค์ พงศ์พิสุทธา Executive Vice President บริษัท เทเลทัช จำกัด และนายปิยรัฐ ปรียากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิวเจอร์ช็อป แอนด์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด.

ผศ.ปริญญา น้อยดอนไพร ผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารเทศ มรส. กล่าวว่า WPS Office เป็นชุดโปรแกรมสำหรับใช้งานในสำนักงาน ประกอบด้วย โปรแกรมจัดการข้อความ สเปรดชีต (Spreadsheets) ซึ่งเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับองค์กรการวิเคราะห์และการจัดเก็บข้อมูลในตารางแบบฟอร์ม โปรแกรมสร้างงานนำเสนอ โปรแกรมจัดการเอกสาร PDF นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรม ที่สามารถใช้งานร่วมกับชุดโปรแกรมได้ เช่น Microsoft Office, Open Office และ LibreOffice รูปแบบไฟล์จากโปรแกรม WPS Office ยังสามารถทำงานร่วมกับ Word, Excel และ PowerPoint ใช้พื้นที่และทรัพยากรน้อยกว่าชุดโปรแกรมอื่นที่มีความสามารถคล้ายกัน และนอกจากนี้มันยังมีฟอนต์มากถึง 230 แบบและแม่แบบมากกว่าร้อยแบบ WPS Office ยังมีความสามารถด้านการสร้างและแก้ไขเอกสาร PDF การเข้าถึงพื้นที่จัดเก็บมากกว่า 20 กิกะไบต์ (GB) ในคลาวด์ (Cloud) และความสามารถเข้าถึงประวัติของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายใน 7 วันที่ผ่านมาได้ สามารถรองรับแพลตฟอร์มได้หลากหลาย จึงสามารถโต้ตอบกับโปรแกรมนี้ในเวอร์ชันสำหรับ Android ได้ด้วย โดยมหาวิทยาลัยจะดำเนินการเผยแพร่วิธีการใช้พร้อมติดตั้งโปรแกรมลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัย สำหรับบริการนักศึกษา คณาจารย์ และบุคลากร หรือหากท่านใดประสงค์ขอรับโปรแกรมสามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์คอมพิวเตอร์ สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยมีระยะการใช้งานได้ฟรี นับจากนี้เป็นเวลา 1 ปี 

.

ด้านนายสุรพงค์ พงศ์พิสุทธา Executive Vice President บริษัท เทเลทัช จำกัด กล่าวว่า การส่งมอบโปรแกรมจัดการสำนักงาน WPS Office เพื่อส่งเสริมให้นักศึกษา คณาจารย์ และบุคลากร ของสถาบันการศึกษาสามารถเข้าถึงการใช้โปรแกรมจัดการสำนักงานลิขสิทธิ์ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการเรียน การสอนหลีกเลี่ยงการใช้ซอฟต์แวร์เถื่อน ที่มีบทลงโทษที่รุนแรงทางกฏหมาย อีกทั้งประหยัดงบประมาณและค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ ซึ่งโปรแกรม WPS Office เป็นโปรแกรมที่ได้รับรางวัลจาก CNET ให้เป็น Best Microsoft Office Alternative และได้รับการยอมรับถึงประสิทธิภาพในการใช้งานในหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในประเทศไทย ที่สามารถใช้งานควบคู่ไปกับซอฟต์แวร์ที่หน่วยงานใช้อยู่เดิมได้ โดยผู้ใช้งานไม่ต้องปรับตัวเพราะสามารถบันทึกทุกสกุลไฟล์งานเหมือนกันทุกประการ เป็นการลดขั้นตอน ต่อยอดการใช้งาน ก้าวล้ำคู่แข่งขันในการจัดการส่งข้อมูล 

 --------------------------------

#สื่อสารองค์กรมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี

กนกรัตน์ ศรียาภัย /ข่าว

อดิสรณ์ เนาวโคอักษร /ภาพ

เทพรวี ทวีเฉลิมดิษฐ์ /ออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์